ขับรถชนท้าย เคลมประกันได้ไหม

หมั่นไส้คันหน้า ตั้งใจขับรถชนท้าย เคลมประกันได้ไหม ทำอย่างไรบ้างเมื่อเราเป็นฝ่ายผิด

ขับรถชนท้าย เคลมประกันได้ไหม

วันนี้เรามาดูกรณี ขับรถชนท้าย เคลมประกันได้ไหม สาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุบ่อย ๆ ที่เห็นกันประจำเลยคือ มาจากพฤติกรรมการขับรถของคนที่ขับรถด้วยความเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ขับรถแซงกันอย่างผิดกฎหมาย แข่งรถกันบนถนน การขับรถตัดหน้า ขาดสติเพราะจากของมึนเมา หรือโรคภัยโรคประจำตัว

อ่านข้อมูลที่เกี่ยวข้อง : นักดื่มควรรู้  เมาแล้วขับ…ถ้าเกิดเหตุประกันจ่ายหรือไม่ ?

ซึ่งทำให้คนที่ขับรถด้วยกันบนท้องถนนพาลหงุดหงิดโมโห โดยยังไม่รู้สาเหตุ แต่ด้วยความหมั่นไส้จึงขอเอาคืนด้วยการขับไปชนรถเสยท้ายกันเลยดื้อ ๆ สิ่งที่ตามมาคือ เหตุการณ์ตั้งใจขับเสยท้ายคันหน้า หรือ ขับรถชนท้าย เคลมประกันได้ไหม

อุบัติเหตุกรณีแบบนี้คือ ต้องมาดูที่หลักฐานกันก่อนค่ะว่าตั้งใจขับรถชนคู่กรณีจริงหรือไม่ ถ้าตั้งใจชนจริงไม่ใช่เพราะความประมาทก็ต้องเป็นความผิดทางอาญา อย่างในกรณีดีเจชื่อดังที่ตั้งใจขับรถชนเสยท้ายคันหน้า กรณีนี้ถือว่าเป็นความผิดแบบเจตนาตั้งใจจริง

ตั้งใจขับรถชนท้าย ผิดกฎหมายไหม

ซึ่งเข้าข่ายมาตรา 358 ว่าด้วย “ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ ซึ่งทรัพย์ของผู้อื่นหรือผู้อื่นเป็นเจ้าของร้านอยู่ด้วย ผู้นั้นกระทำความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือ ปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”

กรณีเช่นนี้บริษัทประกันภัยรถยนต์ไม่คุ้มครองไม่ว่ากรณีใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะถือว่าเป็นความผิดจริง แล้วการขับรถชน กับการขับรถผิดกฎจราจรก็เป็นคนละกรณีกันด้วย และถ้าคู่กรณีที่เราไปชนเขาไม่ยอมความก็อาจต้องฟ้องร้องกันในชั้นศาลต่อไป

ส่วนรูปคดีจะเป็นอย่างไรนั้นก็คงต้องอยู่ที่พนักงานสอบสวนที่จะเนินการตามกระบวนการ แต่ถ้ามีคนอยู่บนรถด้วยก็อาจเป็นความผิดฐานที่ร้ายแรงขึ้น ฐานทำร้ายร่างกาย หรือ พยายามฆ่า ซึ่งก็ต้องมาดูหลักฐานข้อเท็จจริงเพิ่มเติมกันอีกที

และในกรณีตั้งใจชนแต่เป็นอุบัติเหตุจริง คือเป็นการที่เราตั้งใจชนเขา หรือเขาตั้งใจชนเรา แต่เกิดจากเหตุสุดวิสัยเช่น หักหลบรถอีกคัน เพื่อไปชนกับอีกคันเพื่อลดความสูญเสียของเรา กรณีแบบนี้เคยมีมาแล้วอยู่ในข่ายตั้งใจชนแต่เป็นอุบัติเหตุจริง และถือเป็นความประมาท

สำหรับกรณีนี้ ขับรถชนท้าย เคลมประกันได้ไหม บอกเลยว่าได้แน่นอน แต่ต้องให้การกับตำรวจและประกันอย่างดีว่าเป็นเหตุสุดวิสัยจริง ๆ ไม่ได้ตั้งใจจะไปชนให้คู่กรณีเกิดความเสียหายแต่อย่างใด

ถึงอย่างไรการขับรถยนต์บนท้องถนนจะต้องมีสติ มีน้ำใจต่อเพื่อร่วมทางเสมอ เพราะหลายครั้งที่เกิดอุบัติเหตุล้วนมาจากการขาดสติ หรือ ความประมาทของผู้ขับขี่ทั้งนั้น

ดังนั้นหากเจอเรื่องอะไรที่ทำให้เดือด โมโห ก็ควรตั้งสติไว้ ใจเย็น ๆ ไว้ก่อน เพราะถ้าเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิต เราจะไม่สามารถเรียกคืนมาได้เลย เพียงแค่เสี้ยววินาที เพียงแค่อารมณ์ชั่ววูบ อาจถึงขั้นเสียชีวิตเลยก็เป็นได้ ขอให้ระลึกไว้เสมอ

Loading

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *