ใบขับขี่รถจักรยานยนต์

ใบขับขี่รถจักรยานยนต์ รู้เรื่องการสอบและการต่ออายุ ในปี 2563

กรมการขนส่งทางบกได้กำหนดให้ผู้ที่ขับขี่จักรยานยนต์ทุกคนต้องมีใบอนุญาตขับขี่รถจักรยานยนต์ และเมื่อครบกำหนดระยะเวลาหรือหมดอายุ จะต้องทำการต่อ ใบขับขี่รถจักรยานยนต์ เพื่อให้ใบอนุญาตขับขี่ยังคงมีผลใช้ได้ต่อไป บทความนี้ เราจะมาเตรียมตัวในการสอบและการต่อใบขับขี่รถจักรยานยนต์กัน โดยข้อมูลทั้งหมดในบทความนี้ถ้าอ่านแล้วสามารถสอบหรือต่อใบขับขี่รถจักรยานยนต์ได้ครบจบทุกกระบวนการ

ใบขับขี่รถจักรยานยนต์

ใบขับขี่รถจักรยานยนต์ คือ ใบอนุญาตสำคัญที่รับรองได้ว่าคุณเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถในการขับขี่ และ ได้ผ่านการตรวจสอบทั้งภาคทฤษฎี และ ภาคปฏิบัติครบทุกชั้นตอนตามที่กฎหมายกำหนด และ ได้รับอนุญาตให้สามารถขับขี่รถตามกฎหมายประเภทต่าง ๆ ได้ อาทิ ใบอนุญาตขับขี่ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถรับจ้าง เป็นต้นให้คุณสามารถขับรถยนต์ได้ หากไม่มีใบอนุญาตขับขี่แล้วกระทำการขับขี่จะถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดตามกฎหมาย มีโทษทางแพ่ง รวมถึงจะเสียสิทธิ์จากการได้รับการคุ้มครองจากประกันภัยต่าง ๆ อีกด้วย

สอบใบขับขี่รถจักรยานยนต์

สำหรับผู้ที่มีภูมิลำเนาอยู่ในกรุงเทพฯ สามารถยื่นคำร้องขอได้ที่สำนักทะเบียนและภาษีรถ กรมการขนส่งทางบก

  1. สำหรับผู้ที่มีภูมิลำเนาอยู่ในกรุงเทพฯ สามารถยื่นคำร้องขอได้ที่สำนักทะเบียนและภาษีรถ กรมการขนส่งทางบก
  2. สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานคร พื้นที่ 1 บางขุนเทียน
  3. สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานคร พื้นที่ 2 ตลิ่งชัน
  4. สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานคร พื้นที่ 3 พระโขนง
  5. สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานคร พื้นที่ 4 มีนบุรี
  6. สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานคร พื้นที่ 5 จตุจักร

และสำหรับผู้ที่มีภูมิลำเนาอยู่ต่างจังหวัด ให้ยื่นคำร้องขอที่สำนักงานขนส่งจังหวัด สำนักงานขนส่งจังหวัดสาขา กรมการขนส่งทางบก หรือ สำนักงานขนส่งเขตใดเขตหนึ่ง

ขั้นตอนการสอบใบขับขี่รถจักรยานยนต์

1. จองคิวอบรมใบขับขี่รถจักรยานยนต์

ขั้นตอนแรกต้องจองสถานที่อบรมใบขับขี่รถจักรยานยนต์ล่วงหน้า โดยกรมขนส่งทางบก เปิดให้ประชาชนสามารถจองคิวเพื่อเข้ารับการอบรมล่วงหน้าได้ ซึ่งผู้สนใจอบรมสามารถจองคิวอบรมใบขับขี่ได้ตามช่องทาง ดังนี้

  1. จองคิวด้วยตัวเองที่กรมขนส่งทางบก
  2. จองคิวอบรมทางโทรศัพท์ที่กรมขนส่งทางบก หมายเลข 02-271-8888 หรือ 1584 และต้องมาลงทะเบียนที่กรมขนส่งก่อน เวลา 08.00 น.
  3. จองคิวอบรมผ่านช่องทางออนไลน์ ebooking.dlt.go.th/ebooking
    • สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 ปิดรับคำขอใบขับขี่ไม่เกิน 120 คน/วัน โทร 0-2415-7667 ต่อ 204-205
    • สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 2 ปิดรับคำขอใบขับขี่ไม่เกิน 85 คน/วัน โทร 0-2433-4773
    • สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 3 ปิดรับคำขอใบขับขี่ไม่เกิน 100 คน/วัน โทร 0-2333-0035
    • สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 4 ปิดรับคำขอใบขับขี่ไม่เกิน 100 คน/วัน โทร 0-2543-5512
    • สำนักงานขนส่งจังหวัดทุกจังหวัด ในส่วนภูมิภาพสำนักงานขนส่งจังหวัดทุกจังหวัด จะเปิดรับคำขอตามความเหมาะสม

2. เตรียมเอกสารที่ใช้สอบใบขับขี่รถจักรยานยนต์

หลักฐานประกอบคำขอสอบใบขับขี่รถจักรยานยนต์ มีดังนี้

  1. ภาพถ่ายบัตรประจำตัวประชาชน หรือ ภาพถ่ายใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว ภาพถ่ายหนังสือเดินทาง ภาพถ่ายหนังสือสำคัญประจำตัว
  2. สำเนาทะเบียนบ้าน
  3. รูปถ่ายครึ่งตัว หน้าตรง ไม่สวมหมวกหรือแว่นตาดำ ขนาด 1 นิ้ว ถ่ายไว้ไม่เกิน 6 เดือน จำนน 2 รูป
  4. ใบรับรองแพทย์ ออกก่อนวันยื่นคำขอไม่เกิน 1 เดือน

3. ทดสอบสมรรถภาพทางกาย

  1. ทดสอบการมองเห็นสี เป็นสิ่งจำเป็นในการขับรถ โดยยืนห่างจากป้ายสี 2-3 เมตร แล้วจะมีเจ้าหน้าที่ชี้ป้ายสี เรียกชื่อสีให้ถูกต้อง หากผิดเกิน 2 ครั้งถือว่าไม่ผ่าน
  2. ทดสอบสายตาทางลึก โดยการกดปุ่มเลื่อนเสาสองต้น ให้อยู่ตำแหน่งตรงกัน
  3. ทดสอบสายตาทางกว้าง เป็นการทดสอบการมองเห็นกระจกข้าง โดยให้จ้องสีที่จุดตรงกลางแล้วจะมีสีต่าง ๆ ขึ้นมาให้เห็นทางหางตาทั้งสองข้าง และให้ตอบให้ถูกต้องว่าสีที่หางตานั้นคือสีอะไร
  4. ทดสอบปฏิกิริยาเท้า โดยการเหยียบคันเร่งและเหยียบเบรกหลังเห็นสัญญาณไฟแดง ต้องผ่านเกณฑ์ 2 ใน 3 ครั้ง

4. อบรมใบขับขี่รถจักรยานยนต์

  1. ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบก และกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ 30 นาที
  2. ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก กฎหมายแพ่งและกฎหมายอาญา 30 นาที
  3. ความรู้เกี่ยวกับหน้าที่ผู้ขับรถและการบำรุงรักษารถ 30 นาที
  4. ความรู้เกี่ยวกับเทคนิคการขับรถอย่างปลอดภัย 30 นาที
  5. ความรู้เกี่ยวกับมนุษย์สัมพันธ์และมารยาทในการขับรถ 30 นาที
  6. ความรู้เกี่ยวกับการส่งเสริมสุขภาพพลานามัย 30 นาที
  7. ความรู้เกี่ยวกับการขับรถลากจูง การขับรถลากจูงอย่างปลอดภัย 30 นาที
  8. ความรู้เกี่ยวกับวัตถุอันตราย
  9. ความรู้เกี่ยวกับรถบรรทุกวัตถุอันตราย และความรู้เกี่ยวกับหลักการบรรทุกวัตถุอันตราย 6 ชั่วโมง
  10. การตรวจความพร้อมของรถก่อนและหลังการใช้งาน 30 นาที
  11. หัวใจของการบริการทางการขนส่ง 30 นาที
  12. หน้าที่และความรับผิดชอบของผู้ขับรถ 30 นาที

5. ข้อเขียนใบขับขี่รถจักรยานยนต์

ผู้สอบต้องสอบข้อเขียนทั้งหมด 50 ข้อ โดยข้อสอบส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่อบรม ซึ่งผู้สอบใบขับขี่รถจักรยานยนต์ต้องทำให้ได้มากกว่า 45 คะแนนขึ้นไป หรือ ต้องสอบผ่านคิดเป็น 90% จึงจะสอบผ่าน ซึ่งเมื่อทำข้อสอบเสร็จเราจะรู้ผลสอบทันที หากสอบไม่ผ่านจะต้องมาสอบใหม่ภายใน 90 วันเท่านั้น

ข้อมูลเพิ่มเติม : ข้อสอบใบขับขี่ สอบใบขับขี่ แบบทดสอบ แนวข้อสอบ พร้อมเฉลย ฉบับ 2563

6. สอบขับรถจักรยานยนต์

การสอบปฎิบัติขับรถจักรยานยนต์ ผู้ขับขี่จะต้องทดสอบทั้งหมด 5 ท่าด้วยกันดังนี้

  1. การขับรถโดยปฏิบัติตามเครื่องหมายจราจร ให้ขับขี่รถจักรยานยนต์พร้อมปฏิบัติตามป้ายบอกทางจราจรให้ถูกต้อง
  2. การชับรถทรงตัวบนทางแคบ โดยให้ขับขี่รถจักรยานยนต์ในทางแคบหรือสะพานไม้แคบ ๆ ซึ่งกว้างประมาณ 30 เซนติเมตรและยาวประมาณ 3 เมตร ให้ขับขี่ทรงตัวไปจนสุดทาง
  3. การขับรถผ่านทางโค้งรัศมีแคบรูป Z ให้ขับขี่รถจักรยานยนต์ในรูปตัว Z โดยช่องทางเดินรถกว้างประมาณ 2 เมตร ให้ขับรถโดยไม่ชนสิ่งกีดขวางใด ๆ
  4. การขับรถผ่านทางโค้งซ้ายและโค้งขวารูปตัว S ให้ขับขี่รถจักรยานยนต์ในรูปตัว S โดยช่องทางเดินรถกว้างประมาณ 2 เมตร โดยให้ขับรถไม่ชนสิ่งกีดขวางใด ๆ
  5. การขับรถหลบหลีกสิ่งกีดขวาง ให้ขับขี่รถจักรยานยนต์โดยความเร็ว 20-30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และขับซิกแซกไม่ให้ชนสิ่งกีดขวางใด ๆ

เพื่อความเข้าใจโดยง่าย สามารถรับชมภาพ Infographic คลิปติวก่อนสอบใบขับขี่รถจักรยานยนต์กันเลย

7. รอรับใบขับขี่รถจักรยานยนต์

เมื่อสอบทุกขั้นตอนผ่านหมดแล้ว ก็สามารถชำระค่าธรรมเนียม 105 บาท เพื่อถ่ายรูปพิมพ์ใบอนุญาต และรอรับใบขับขี่ได้เลยซึ่งใบขับขี่ที่เราได้จะเป็นใบขับขี่แบบชั่วคราวมีระยะเวลา 2 ปี เมื่อครบ 2 ปี ก็ต่ออายุทำเรื่องขอต่อใบขับขี่รถจักรยานยนต์ใหม่ต่อไป

ต่อใบขับขี่รถจักรยานยนต์

การต่ออายุใบขับขี่รถจักรยานยนต์ จะมีการต่อใบขับขี่เป็น 2 แบบ คือ ต่อใบขับขี่รถจักรยานยนต์ 2 ปีเป็น 5ปี และต่อใบขับขี่รถจักรยานยนต์ 5 ปีเป็น 5 ปี

ต่อใบขับขี่รถจักรยานยนต์ล่วงหน้า

การต่อใบขับขี่รถจักรยานยนต์ล่วงหน้า ได้กี่วัน กี่เดือน มาดูข้อมูลดังนี้

  • ต่อใบขับขี่รถจักรยานยนต์ 2 ปี เป็น 5 ปี สามารถต่อใบขับขี่ล่วงหน้าได้ไม่เกิน 60 วัน
  • ต่อใบขับขี่รถจักรยานยนต์ 5 ปี เป็น 5 ปี สามารถต่อใบขับขี่ล่วงหน้าได้ไม่เกิน 90 วัน

ต่อใบขับขี่รถจักรยานยนต์ใช้อะไรบ้าง

  1. บัตรประชาชนตัวจริง
  2. ใบรับรองแพทย์ อายุไม่เกิน 1 เดือน
  3. ใบชับขี่ใบเดิมที่หมดอายุ

ขั้นตอนการต่ออายุใบขับขี่รถจักรยานยนต์

  1. ตรวจสอบเอกสาร เตรียมเอกสารให้พร้อม เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา
  2. ออกใบคำร้อง รอออกใบคำร้อง หลังจากนั้นก็รอคิวเพื่อเข้ารับการทดสอบสมรรถภาพทางร่างกาย
  3. ทดสอบสมรรถภาพร่างกาย ทดสอบการมองเห็นสี ทดสอบสายตาทางกว้าง ทดสอบสายตาทางลึก และทดสอบปฏิกิริยาเท้าด้วยการเหยียบ
  4. เข้ารับการอบรม ถ้าต่ออายุจาก 2 ปี เป็น 5 ปี จะไม่มีการอบรมภาคทฤษฎี แต่ถ้าต่ออายุจาก 5 ปี เป็น 5 ปี ต้องอบรมภาคทฤษฎี 1 ชั่วโมง
  5. รอรับใบอนุญาตขับขี่ใบใหม่ ถ้าผ่านทุกขั้นตอน ก็รอเจ้าหน้าที่เรียกไปถ่ายรูป แล้วชำระค่าธรรมเนียมการออกใบขับขี่รถจักรยานยนต์ แล้วรอรับได้ทันที

ต่อใบขับขี่รถจักรยานยนต์กี่บาท

ค่าธรรมเนียมใบขับขี่มอเตอร์ไซค์ ราคาเท่าไหร่

  • ใบขับขี่รถมอเตอร์ไซต์ 2 ปี ชำระ 100 บาท และค่าคำขอ 5 บาท รวมทั้งสิ้น 105 บาท
  • ใบขับขี่รถมอเตอร์ไซต์ 5 ปี ชำระ 250 บาท และค่าคำขอ 5 บาท รวมทั้งสิ้น 255 บาท

กฎระเบียบที่ต้องทราบก่อนคิดจะทำใบขับขี่รถจักรยานยนต์

  • ในวันที่นัดอบรม โปรดแต่งกายสุภาพ ห้ามใส่กางเกงขาสั้น รองเท้าแตะ
  • มายื่นเอกสารตั้งแต่เวลา 07.45-08.30 น. หากไม่ติดต่อในเวลาที่กำหนด ถือว่าสละสิทธิ์และต้องทำการจองคิวใหม่
  • กรณีทุพพลภาพ ต้องติดต่อเจ้าหน้าที่ก่อนจองคิวอบรม
  • ในกรณีไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดข้างต้น เจ้าหน้าที่มีสิทธิ์ยกเลิกการจองของผู้รับบริการได้

ใบขับขี่รถจักรยานยนต์หมดอายุ ต้องต่อภายในกี่วัน

  • ใบขับขี่รถจักรยานยนต์หมดอายุไม่เกิน 1 ปี ไม่ต้องสอบข้อเขียน และ ไม่ต้องสอบปฏิบัติ
  • ใบขับขี่รถจักรยานยนต์หมดอายุเกิน 1 ปี แต่ไม่ถึง 3 ปี ต้องสอบข้อเขียน
  • ใบขับขี่รถจักรยานยนต์หมดอายุเกิน 3 ปี ต้องสอบทั้งข้อเขียนและสอบปฏิบัติ

ข้อมูลเพิ่มเติม : ใบขับขี่หมดอายุ ต้องต่ออายุภายในกี่วัน ปรับเท่าไหร่ ใช้เอกสารอะไรบ้าง

การทำ ใบขับขี่รถจักรยานยนต์ เป็นเรื่องสำคัญที่คุณต้องปฏิบัติให้ถูกต้องทางกฎหมาย หากคุณมีความจำเป็นต้องใช้รถจักรยานยนต์เป็นประจำ เพราะความสำคัญของการมีใบขับขี่รถจักรยานยนต์ก็เพื่อทำหน้าที่ในการเป็นเอกสารเพื่อยืนยันว่าผู้นั้นสามารถขับรถได้บนถนนสาธารณะได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยกรมการขนส่งทางบกจะเป็นผู้ที่สามารถออกใบขับขี่ให้กับผู้ขับขี่ให้กับเราหลังจากผ่านการอบรมตามทุกขั้นตอนของกรมการขนส่งทางบก

Loading

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *