เช็คสภาพยางรถยนต์

วิธี เช็คสภาพยางรถยนต์ ก่อนลุยถนนหน้าฝน ทำไมถึงควรเปลี่ยนก่อนหมดอายุ

เช็คสภาพยางรถยนต์

เข้าสู่หน้าฝนทีไร ถนนหนทางมักจะเปียกแฉะอยู่เสมอทำให้ยากต่อการขับขี่และประคองรถยนต์ ดังนั้นสิ่งสำคัญที่จะช่วยการประคองรถได้ดีคือ ยางรถยนต์ นั่นเอง วิธีการ เช็คสภาพยางรถยนต์ จึงจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ใช้รถทุกคนที่จะต้องเตรียมพร้อมรับมือในหน้าฝนนี้

วิธีเช็คสภาพยางรถยนต์

  1. สิ่งแรกเลยต้องรู้ว่า อายุยางรถยนต์ : มีอายุการใช้งานกี่ปี ซึ่งโดยปกติยางรถยนต์นั้น จะมีเวลาในการเปลี่ยนยางใหม่เมื่อยางถูกใช้งานแล้วประมาณ 4-5 ปี หรือประมาณ 50,000-80,000 กิโลเมตรขึ้นไป แต่ถ้ารถไม่ค่อยได้ใช้งานหรือวิ่งระยะไกล ดอกยางยังแน่นและไม่มี การสึกหรอ ก็สามารถใช้ยางต่อไปได้อีก บางคันใช้งานได้ถึง 8-10 ปีเลย แต่หลายคนจะซื้อยางรถยนต์มือสองเพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย แต่รู้หรือไม่ว่ายางรถมือสองเสี่ยงที่จะเป็น ยางรถยนต์ย้อมแมว ดังนั้นเพื่อนๆจะต้องตรวจเช็คให้ดีก่อนซื้อเสมอ
  2. เช็คสภาพดอกยาง : เป็นสิ่งที่ต้องดู เพราะดอกยางจะช่วยยึดเกาะถนน และรีดน้ำออก ไป จากหน้ายางได้ ถ้าค่าความลึกของดอกยางต่ำกว่า 3 ควรเปลี่ยนยางได้เลย
  3. ลมยาง : ควรใช้เดือนละ 1 ครั้ง ในช่วงหน้าฝนที่ต้องลุยถนนเปียก ควรเติมลมยางเผื่อไว้อีก 1-2 ปอนด์เพื่อให้ยางแข็งและรีดน้ำได้ดีแต่อย่าลืมเช็คลมขณะที่ยางเย็นเท่านั้นนะ
  4. สลับยางทุกๆ 10000 กิโลเมตร : ยางรถยนต์ที่ถูกใช้งานโดยเฉพาะผู้ที่ขับทางไกล และใช้ความเร็วสูงแต่ละข้างจะมีการสึกหรอไม่เท่ากัน เมื่อครบ 10000 กิโลเมตร แนะนำให้ยางล้อคู่หน้าสลับกับยางล้อคู่หลัง เพื่อให้ดอกยางของทุกล้อสึกหรอเท่าเทียมกัน
  5. การตั้งศูนย์ : การที่ยางไม่ได้รับการตั้งศูนย์จะทำให้เกิดการเสื่อมของดอกยางเร็วยิ่งขึ้น และไม่เสมอกัน ซึ่งหมายถึงความปลอดภัยของคุณ การตั้งศูนย์ทุกครั้งที่เอารถ เข้ารับ บริการที่ศูนย์ จะช่วยให้การเดินทางปลอดภัยยิ่งขึ้น
  6. จุกลมยาง : ส่วนหนึ่งที่มีความสำคัญกับยางของคุณคือจุกลมยาง ที่ต้องปิดให้สนิทก็เหมือนกับ ส่วนอื่น ๆ ของยางมันอาจจะเสื่อมไปตามกาลเวลาและอาจจะเกิดการรั่วได้ ดังนั้นเมื่อคุณ เปลี่ยนยางใหม่อย่าลืมเปลี่ยนจุกลมยางด้วย

เมื่อ เช็คสภาพยางรถยนต์ แล้ว เรายังมีเคล็ดลับการดูแลรักษายางให้มีอายุการใช้งานได้ยาวนาน และยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับคนที่คุณรักอีกด้วย

  1. สภาพถนน – สิ่งหนึ่งที่ต้องทำเพื่อยืดอายุการใช้งานของยาง วิธีการใส่ใจกับสภาพถนน และสภาพแวดล้อมรอบข้างไม่ว่าจะเป็นหลุมบ่อ ถนนไม่เรียบ คือการจอดรถใกล้ฟุตบาท จนเกินไป มีคนเพิ่มความระมัดระวังในการขับขี่ ไม่เพียงแต่จะช่วยให้คุณปลอดภัย แต่จะช่วยยืดอายุยางของคุณได้อีกด้วย
  2. ต้องขับขี่อย่างนุ่มนวล – การขับขี่เป็น เครื่องชี้วัดว่ายางจะสึกหรอไปมากน้อยแค่ไหน ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนเกียร์อย่างนุ่มนวล การเบรกอย่างระมัดระวัง การเร่งเครื่อง และการเข้าโค้ง ล้วนแล้วแต่ช่วยป้องกันไม่ให้ยางของคุณสึกหรอเร็วกว่ากำหนด
  3. การเติมลมยางอย่างสม่ำเสมอ – หากว่ายางของคุณลมอ่อนอยู่เป็นประจำ ยางจะสะสม ความร้อนอยู่ในตัว และเกิดการระเบิดหรือเป็นแผลแตกง่าย ในทางกลับกันหากยางของคุณมีลมมากเกินไปก็อาจจะระเบิดและดอกยางก็เสื่อมเร็วกว่ากำหนดมากด้วย นี่คือเหตุผลว่า ทำไมคุณถึงต้องเช็คลมยางอย่างสม่ำเสมอเพื่อความปลอดภัยของคุณ
  4. การตั้งศูนย์ถ่วงล้อ – เมื่อยางของคุณไม่ได้รับการตั้งศูนย์อย่างถูกต้อง ดอกยางของคุณ ก็จะเสื่อมสภาพแบบไม่เท่ากัน จนทำให้ยางได้รับความเสียหายได้ง่าย การที่คุณตั้งศูนย์ ถ่วงล้ออย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้ดอกยางของคุณมีอายุการใช้งานนานขึ้น
  5. การเช็คดอกยาง – เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ยางของคุณจะเสื่อมสภาพ ไปเมื่อคุณใช้ มันเป็นเวลานาน แต่การที่คุณจะมั่นใจได้ว่าดอกยางของยางคุณจะหมดสภาพไปแบบเท่าๆกัน คือ การตรวจเช็คยางของคุณอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี นั่่นไม่เพียงแค่ช่วยป้องกัน ไม่ให้ดอกยางของคุณเสื่อมแบบไม่เท่ากัน แต่ยังช่วยให้คุณรู้สภาพยางของคุณในขณะนั้นด้วย

และในวันนี้ เรายังสิ่งดี ๆ มาบอกคือ เรามีวิธีการขับขี่รถลุยหน้าฝนให้ได้อย่างปลอดภัย มาฝาก เพิ่มกันอีก

วิธีการขับขี่รถยนต์ลุยหน้าฝน ให้ห่างไกลจากกอุบัติเหตุ

  1. เปิดไฟใหญ่ขณะที่ฝนตก เพื่อเพิ่มทัศนวิสัยในการมองเห็น
  2. ไม่ควรขับรถเร็วเกินไป หรือ ขับไม่เกิน 60 กม.ชม. เพราะจะทำให้ลำบากในการควบคุม รถยนต์และเกิดอาการรถเหินน้ำได้
  3. เว้นระยะห่างจากรถคันหน้า 10-15 เมตร
  4. ไม่ควรเปิดไฟฉุกเฉินเพราะอาจเกิดความเข้าใจผิดว่า รถจอดเสียอยู่
  5. หลีกเลี่ยงเส้นทางที่เกิดน้ำท่วม เพราะเมื่อน้ำท่วมบนพื้นถนนจะทำให้ยากต่อการคาดเดา ความลึกของน้ำซึ่งเป็นสิ่งที่อันตรายเพราะเราไม่ทราบว่าสภาพพื้นถนนเวลาเป็นอย่างไร น้ำอาจเข้าไปยังท่อไอเสียและเครื่องยนต์จะส่งผลให้รถยนต์ดับ และ ยางรถยนต์ต้อง สัมผัสกับน้ำตลอดเส้นทาง
  6. เปิดที่ปัดน้ำฝนอย่างสม่ำเสมอ
  7. สิ่งที่อันตรายที่สุดคือเมื่อฝนตกแล้วพื้นถนนเปียก หลังจากฝนตกจะทำให้คราบน้ำมันจากรถยนต์ที่ตกค้างบนพื้นถนนนั้นก่อตัวขึ้นมาใหม่และทำให้พื้นถนนลื่นยิ่งขึ้น คราบน้ำมันจาก รถยนต์มักจะมีปริมาณสะสมมากบริเวณสี่แยก หรือไฟจราจรที่รถยนต์มักต้องหยุดรอ เพราะฉะนั้นแม้ว่าฝนหยุดตกแล้ว คุณยังต้องขับรถอย่างระมัดระวังมากยิ่งขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยง อันตรายจากการลื่นไถลบนพื้นถนนโดยเฉพาะจุดดังกล่าว
  8. อย่าจ้องไฟรถเป็นเวลานาน ที่รู้กันว่ารถยนต์ทุกคันมีไฟหน้าและไฟท้ายรถ แต่เราไม่ควร จ้องแสงไฟของหน้ารถที่กำลังสวนเลนมา เพราะการจ้องไฟเป็นเวลานานอาจทำให้ คุณตาพร่าหรือบอดไปชั่วขณะ อาจทำให้ค่าสายตาการมองเห็นในช่วงกลางคืนลดลงอีกด้วย ดังนั้นคุณจึงควรตั้งใจขับขี่และมองไปที่ถนนและไม่ควรมองหรือจ้องไปที่แสงไฟของรถยนต์ที่ขับสวนเลน
  9. ไม่ขับขี่เมื่อเริ่มมีอาการง่วงหรือมึนเมา หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้การขับในช่วงกลางคืน อันตรายกว่ากลางวัน คือ ผู้ขับขี่มีอาการง่วงหรือมึนเมาผู้ขับขี่เหล่านี้มักจะละเมิด ป้ายจราจรขับขี่บนเลนสวน หรือแม้กระทั่งเปลี่ยนเลนโดยไม่เปิดสัญญาณไฟเลี้ยวเป็นต้น สิ่งที่จะช่วยให้คุณปลอดภัยจากอุบัติเหตุขณะขับขี่ในช่วงกลางคืนได้ คือการระวังผู้ขับขี่บนท้อง ถนนถ้าหากเห็นรถยนต์คันอื่นมีท่าทีการขับขี่ที่อันตรายคุณควรเว้นระยะห่างจากรถยนต์คันดัง กล่าวและขับให้ช้าลง

ไม่ว่าจะเป็นฤดูไหนก็ตาม คุณควรต้องใส่ใจในการ เช็คสภาพยางรถยนต์ อย่างสม่ำเสมอ รวมถึง รู้จักวิธีการขับขี่รถยนต์ให้ปลอดภัยในทุกสภาพพื้นผิว ทุกสภาพอากาศ การมีสติในการขับรถยนต์ตลอดเวลา ไม่ขับขี่เมื่อเริ่มรู้สึกไม่สบาย สิ่งเหล่านี้ ก็จะทำให้คุณขับรถได้อย่างปลอดภัยสบายหายห่วงอย่างแน่นอน

Loading

2 thoughts on “วิธี เช็คสภาพยางรถยนต์ ก่อนลุยถนนหน้าฝน ทำไมถึงควรเปลี่ยนก่อนหมดอายุ

  1. Pingback: ลมยางไนโตรเจน Vs ลมยางธรรมดา ต่างกันอย่างไร เติมแบบไหนดี ผสมกันได้ไหม

  2. Pingback: รถเหินน้ำ คืออะไร เกิดจากสาเหตุใดบ้าง อันตรายช่วงหน้าฝนที่หลายคนไม่รู้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *