ผู้รับผลประโยชน์

ผู้รับผลประโยชน์ ในกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ หมายถึงใครกันแน่

ผู้รับผลประโยชน์

เคยสงสัยกับคำว่า ผู้รับผลประโยชน์ ที่เห็นในกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์กันไหมว่าหมายถึงใคร ทำไมต้องมีผู้รับผลประโยชน์ในกรมธรรม์ด้วย วันนี้เรามาหาคำตอบกัน แต่ก่อนอื่นมาดูความหมายของคำว่าผู้รับผลประโยชน์ กันก่อนเพื่อความเข้าใจในบทต่อไป

ผู้รับผลประโยชน์ หมายถึง ผู้ที่มีส่วนได้เสียกับผู้เอาประกันภัย ซึ่งเป็นบุคคลที่มีความใกล้ชิดและมีความสัมพันธ์ทางสายโลหิต หรือ ทางการสมรส กับ ผู้เอาประกันภัย การเปลี่ยนแปลงผู้รับประโยชน์สามารถดำเนินการได้ตลอดระยะเวลาที่กรมธรรม์มีผลบังคับอยู่ ซึ่งขึ้นอยู่กับการพิจารณาของบริษัท

ผู้รับประโยชน์ในกรมธรรม์ประกันรถยนต์ คือ ผู้รับประโยชน์ในกรณีที่รถยนต์สูญหาย หรือรถยนต์เสียหายสิ้นเชิงจนไม่สามารถซ่อมแซมได้เท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวกับผู้รับประโยชน์ตามเอกสารแนบท้าย การประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคลแต่อย่างใด

การชดใช้กรณีที่รถยนต์สูญหาย หรือรถยนต์เสียหายสิ้นเชิง บริษัทก็จะต้องชดใช้จำนวนเงินเอาประกันภัย ให้แก่ผู้รับประโยชน์นั้นตามส่วนได้เสียก่อน ส่วนที่เหลือจึงเป็นของผู้เอาประกัน

ผู้รับประโยชน์สำหรับประกันรถยนต์ คือ บริษัทไฟแนนซ์ในกรณีที่รถยังผ่อนชำระอยู่ หากรถสูญหาย หรือ เสียหายสิ้นเชิง บริษัทไฟแนนซ์จะได้รับค่าสินไหมก่อน ส่วนที่เหลือ ถ้ามีจึงจ่ายให้ผู้เอาประกัน

  • ผู้รับผลประโยชน์ที่อยู่ในกรมธรรม์ประกันรถยนต์นั้นคืออะไร จำเป็นต้องระบุไหม

ถ้าผู้เอาประกันไม่ได้ระบุผู้รับผลประโยชน์ จะเป็นคนเดียวกับผู้เอาประกัน แต่ถ้าเกิดทรัพย์สินนั้น ยังไม่หมดภาระจากการเช่าซื้อ ผู้รับผลประโยชน์จะเป็นบริษัทไฟแนนซ์ที่เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ของทรัพย์สินนั้น แต่ถ้าทรัพย์สินนั้นหมดภาระจากการผ่อนจ่ายไฟแนนซ์บริษัทประกันจะชดเชยสินไหมทดแทนให้กับผู้เอาประกัน หรือทายาทโดยธรรมของผู้เอาประกัน ถ้าเกิดกรณีผู้เอาประกันเสียชีวิต

การชดเชยค่าสินไหมที่ผู้รับผลประโยชน์จะได้รับนั้นจะชดเชยต่อเมื่อ รถยนต์คันที่เอาประกันนั้นเกิดความเสียหายโดยสิ้นเชิงจากอุบัติเหตุ หรือความเสียหายเกินกว่า 80% ของทุนประกัน อีกกรณีหนึ่งก็คือรถยนต์สูญหายเนื่องจากการโจรกรรม

ผู้รับผลประโยชน์ในกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ ระบุไว้สำหรับเป็นผู้รับสินไหมทดแทน กรณีรถสูญหาย หรือ เสียหายสิ้นเชิงต้องคืนทุนประกัน (ไม่ได้รับผลประโยชน์อื่น ๆ เช่น สินไหมคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล สินไหมอุบัติเหตุส่วนบุคคล)

ดังนั้น กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 จะแบ่งผู้รับผลประโยชน์เป็น 2 กรณี

  1. บริษัท ไฟแนนซ์ กรณีที่ยังติดภาระ ผ่อนไม่หมด
  2. เว้นว่างไว้ไม่ระบุผู้รับผลประโยชน์ หมายถึง ผู้เอาประกันเป็นผู้รับผลประโยชน์ และต้องแสดงหลักฐานอีกครั้งว่าเป็นเจ้าของจริง รถปลอดภาระ ตอนรับสินไหม

เมื่อผ่อนรถกับไฟแนนซ์หมดแล้ว สามารถสลักหลังกรมธรรม์ เพื่อเอาผู้รับผลประโยชน์ออก โดยแสดงเล่มทะเบียนรถที่มีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือกรรมสิทธิ์ใหม่ต่อบริษัทรับประกัน ทางบริษัทรับประกันจะออกเอกสารการเปลี่ยนแปลงกรมธรรม์ให้ผู้เอาประกันเก็บไว้เป็นหลักฐาน

กรณีเกิดเหตุรถสูญหายหรือเสียหายต้องคืนทุนประกัน หากผู้รับผลประโยชน์ยังเป็นไฟแนนซ์ ทางบริษัทรับประกันจะจ่ายสินไหมให้ไฟแนนซ์ ทางไฟแนนซ์ก็จะหักภาระหนี้สินที่ค้างอยู่ ส่วนที่เหลือจึงจะคืนแก่ผู้เอา ประกัน หากจำนวนเงินไม่พอทางไฟแนนซ์ ก็จะเรียกเพิ่มเติมจากผู้ผ่อนต่อไป

  • รถติดไฟแนนซ์แต่ไม่อยากให้ระบุผู้รับประโยชน์ในกรมธรรม์ ?

กรณีเคลมประกันในหมวดรถยนต์สูญหาย หรือรถยนต์เสียหายสิ้นเชิง ประกันย่อมเรียกเอกสารประกอบโดยเฉพาะรายการจดทะเบียนรถ ซึ่งหากตอนทำประกันไว้ไม่ได้ระบุ แต่เอกสารที่ใช้ประกอบการเคลม ในรายการจดทะเบียนรถแสดงให้เห็นว่าเจ้าของกรรมสิทฺธิ์ไม่ใช่ผู้เอาประกัน เช่นยังติดไฟแนนซ์อยู่ ก็ต้องมีการจ่ายสินไหมตามส่วนได้เสียก่อนคือ จ่ายหนี้ที่ผู้เอาประกันยังค้างไฟแนนซ์ก่อน ส่วนที่เหลือจึงเป็นของผู้เอาประกัน

ในทางตรงกันข้าม รถผ่อนหมดแล้ว แต่ไม่ได้แจ้งเอาผู้รับประโยชน์ออกจากกรมธรรม์ เมื่อถึงเวลาเคลมรายการจดทะเบียนรถหรือเล่มทะเบียนรถพบว่าผู้เอาประกันเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ ประกันก็จะต้องจ่ายสินไหมแก่ผู้เอาประกัน

  • หากรถผ่อนหมดแล้ว ในช่องผู้รับผลประโยชน์ต้องระบุชื่อหรือเว้นว่างไว้ ?

การระบุชื่อผู้รับประโยชน์ในกรมธรรม์ประกันรถยนต์ มีไว้สำหรับกรณีรถยนต์เสียหายทั้งคันหรือสูญหาย ซึ่งบริษัทประกันภัยจะจ่ายสินไหมทดแทนตามทุนประกันภัยให้ผู้รับประโยชน์ก่อนตามจำนวนหนี้ที่ผู้เอาประกันมีต่อผู้รับประโยชน์ ส่วนที่เหลือบริษัทประกันภัยจึงจะจ่ายให้แก่ผู้เอาประกันภัย ซึ่งหากผู้เอาประกันภัยเป็นคนเดียวกันกับผู้รับประโยชน์ ก็ไม่มีความจำเป็นต้องระบุชื่อของผู้รับประโยชน์ (เว้นว่างไว้)

  • สำหรับวิธีการเปลี่ยนชื่อผู้รับผลประโยชน์ หรือผู้เอาประกัน

สามารถแจ้งมายังบริษัทประกันภัยให้เปลี่ยนชื่อผู้ประกันได้แต่มีข้อแม้ว่า ผู้รับผลประโยชน์จะต้องมีส่วนได้ส่วนเสียกับทรัพย์สิน หรือรถยนต์ ที่เอาประกันภัยเท่านั้น เช่น ผู้ถือกรรมสิทธิ์รถยนต์ ผู้ครอบครองรถยนต์ หรือ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับผู้เอาประกัน เช่น สามี ภรรยา บิดา มารดา บุตร ของผู้เอาประกัน ถ้าเป็นกรณีนี้ก็ให้นำหลักฐานเพิ่มเติมมายืนยันและแจ้งให้กับบริษัทประกันทราบด้วย เช่น สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน เพื่อให้บริษัทประกันภัยทำสลักหลังให้

สำหรับประกันอุบัติเหตุ และค่ารักษาพยาบาลที่อยู่ในสัญญาแนบท้ายของกรมธรรม์รถยนต์ ถ้าเป็นค่ารักษาพยาบาล บริษัทประกันก็จะชดเชยให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสารที่ประสบเหตุ แต่ถ้าเป็นประกันอุบัติเหตุบริษัทประกันก็จะชดเชยค่าสินไหม ให้กับทายาทโดยธรรมของผู้ขับขี่หรือผู้โดยสารที่ประสบเหตุเท่านั้น ถ้าเกิดอุบัติเหตุนั้นทำให้ พิการหรือทุพลภาพ บริษัทประกันก็จะชดเชยค่าสินไหมให้กับผู้ขับขี่ หรือ ผู้โดยสารที่ประสบอุบัติเหตุโดยตรง แต่จะชดเชยตามจำนวนคนที่ระบุไว้กรมธรรม์เท่านั้น

มาถึงตรงนี้แล้วคงไม่ต้องสงสัยกันแล้วนะว่า ผู้รับผลประโยชน์ หมายถึงใคร ทำไมต้องระบุในกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ แต่ถ้าหากยังสงสัยกันอีกสามารถติดต่อขอข้อมูลจาก อีซี่ อินชัวร์ โบรกเกอร์ประกันภัย กับเจ้าหน้าที่ได้ตลอดเวลา หรือติดต่อผ่านช่องทางออนไลน์ได้ที่ Easyinsure.co.th ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือโทรเลย 02-801-9000

Loading

2 thoughts on “ผู้รับผลประโยชน์ ในกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ หมายถึงใครกันแน่

  1. Pingback: สลักหลังกรมธรรม์ คืออะไร สำคัญอย่างไรกับการทำประกันรถยนต์

  2. Pingback: ปีกรมธรรม์ คืออะไร เกี่ยวข้องอย่างไรกับความคุ้มครอง ประกันภัยและประกันชีวิต

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *